บทความ

เกมลดน้ำหนักที่ดีที่สุด

รูปภาพ
ขณะที่ผมกำลังขับรถไปทำงานกับคุณภรรยา เราก็ได้มานั่งตัดพ้อกัน ถึงเรื่องน้ำหนักที่นับวันจะยิ่มเพิ่มมากขึ้นทุกที ดูไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาผอมได้เลย แน่นอนตลอดชีวิตผมลดน้ำหนักมาหลายรูปแบบ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แต่สุดท้ายอาหารประเทศไทยก็อร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ มันจึงกลับมาอ้วนอยู่เรื่อย ขณะขับรถอยู่นั้น คำถามเดิมๆ ก็ลอยมา ทำไงถึงจะลดน้ำหนักได้กัน และแล้วไอเดียหนึ่งก็ผุดขึ้นมา  มันคือเกมเดิมพันเงินเพื่อลดน้ำหนัก ถ้าลดได้ก็ได้เงิน  ซึ่งจริงๆ ผมก็เคยใช้วิธีนี้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ  เพราะสุดท้ายเมื่อตบะแตก เราก็จะพูดกับตัวเองว่า ไม่เอาเงินก็ได้ ผมจึงนั่งคิดกติกาใหม่ ให้มันรัดกุมกว่าเดิม จนได้กฎของเกมลดน้ำหนักที่สมบูรณ์แบบที่สุด นั่นคือ ลดได้ ได้เงิน น้ำหนักขึ้น เสียเงิน น้ำหนักเท่าเดิม ก็เสียเงิน ยกตัวอย่างเช่น หากภรรยาผมน้ำหนัก 60 กิโล  1 เดือนผ่านไป  ไม่สนหรอกว่าเธอจะใช้วิธีการอะไร  แต่ถ้าเธอลดได้ 1 กิโล ผมจะจ่าย 1000 บาท แต่ในขณะเดียวกันหาก 1 เดือนผ่านไป น้ำหนักเธอขึ้น 1 กิโล เธอต้องเสียเงินให้ผม 2000 บาท และหาก 1 เดือนผ่านไป น้ำหนักเธอคงที่ไม่ขึ้นไม่ลง เธอก็ต้องเสีย 1000 บาท โด

เมื่อความรู้สึกชั่ววูบกำลังจะหายไป

รูปภาพ
เมื่อ3วันก่อน ผมเกิดความรู้สึกชั่ววูบ ขึ้นมาว่า อยากกลับมาเขียนบล็อกจัง  ซึ่งผมได้เขียนเล่าไว้อย่างละเอียดแล้วในอีกบล็อก  แต่จะขอสรุปให้ฟังประมาณว่า ผมพบว่าเจ้าสิ่งที่เรียกว่า ความรู้สึกชั่ววูบเนี่ย มันมีพลังมากกว่าแรงบันดาลใจ หรือลูกฮึดซะอีกนะ คือเวลารู้สึกขึ้นมาแล้วว่าอยากทำ เราจะอยากทำมันแบบสุดๆ และต้องทำให้ได้ ผมพบว่า ความรู้สึกชั่ววูบ หากเกิดกับเรื่องไร้ประโยชน์ ก็คงไม่ดี เช่นผมอยากเล่นเกมมาก จึงซื้อเครื่องเกมมาเล่น แต่พอซื้อมาแล้วจริงๆ เล่นแป๊บๆ ความรู้สึกที่ว่า อยากเล่นก็หายไป กลายเป็นว่าเสียเงินฟรีเลย เพราะไม่อยากเล่นแล้ว แต่หากมันเกิดกับเรื่องดีๆ ขึ้นมาล่ะ เช่นอยากหุ่นดีจัง อยากเรียนเก่งจัง จะเป็นยังไง และแล้วเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ความรู้สึกชั่ววูบ ที่ว่าอยากกลับมาเขียนบล็อก ก็เกิดขึ้นกับผม แน่นอนว่า ผมต้านทานมันไม่ไหว จึงได้นั่งลงและเริ่มเขียนบล็อก  หลังจากเริ่มเขียนแล้วก็ไม่สาแก่ใจ จึงได้เปิดบล็อกใหม่มันซะเลย ซึ่งก็คือ HamHambox ที่ทุกคนกำลังอ่านอยู่ในขณะนี้นั่นเอง แน่นอนธรรมชาติของความรู้สึกชั่ววูบก็คือ เมื่อได้ทำแล้วมันจะหายไป หลังจากผมได้เขียนบทความจนสาแก่ใจเกือบ 2 วัน คว

ถ้าขายเวลาชีวิตได้คุณจะขายเท่าไหร่

รูปภาพ
เงินคือสิ่งสำคัญของชีวิต ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยกับผมหรือไม่ คนส่วนใหญ่ก็ต่างใช้เวลาทั้งชีวิตทำงานหาเงินกันอยู่ดี ถ้าอย่างนั้น หากผมเสนอขอซื้อเวลาจากคุณเลยละครับ คุณจะขายเท่าไหร่ คำถามนี้คือคำถามที่ผมเคยถูกถามเล่นๆ เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งตอนนั้น ผมก็ไม่ได้มานั่งคิดมากด้วย พอบอกว่าจะซื้อเวลา ผมก็ตระหนักได้ทันทีว่า โอ๊ย เวลาชีวิตเป็นสิ่งสำคัญนะคุณ จะมาขายให้ในราคาถูกๆได้อย่างไร  ผมจึงตอบไปว่า เวลา1ปี อย่างน้อยๆ ผมจะขายในราคา10ล้าน ผมจำความรู้สึกตัวเองได้ดี พูดไปก็คิดไปว่า ชีวิตเรานั้นช่างมีค่ามากจริงๆ แต่ทว่า เมื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง จึงทำให้ผมพบว่า ทุกวันนี้ ผมทำงาน เพื่อแลกกับเงินที่น้อยกว่า10ล้าน อย่างมากเลยนะ ใน1ปีน่ะ ผมประเมินแล้วว่า เวลาชีวิตผมมีค่าขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริง ผมกลับต้องมานั่งทำงาน งกๆ แลกกับเงินที่มีมูลค่าน้อยกว่าเวลาชีวิตของผม พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย เรื่องนี้มองได้ 2 มุมนะครับ 1 ผมประเมินค่าเวลาชีวิตตัวเองมากเกินไป แท้จริงแล้วเวลาชีวิตผมอาจไม่ได้มีมูลค่าขนาดนั้นก็ได้ หรือ 2 ผมกำลังเสียเวลาทำงานแลกเงินที่ไม่คุ้มค่ากับเวลาชีวิตที่เสียไปก็ได้ แล้ววันหนึ่ง ข

จงซ่อมหลังคาก่อนที่ฝนจะตก

รูปภาพ
ชายคนหนึ่งปีนขึ้นไปเล่นบนหลังคา ด้วยความไม่ระวัง เขาได้เหยียบกระเบื้องจนแตก กระเบื้องหลังคาแตก มันไม่ใช่อะไรที่จะซ่อมได้ในทันที แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ยากเกินกว่าจะซ่อมได้ คุณต้องขับรถออกไปซื้อกระเบื้องแผ่นใหม่มาเปลี่ยน ต้องเลือกกระเบื้องแบบเดิมด้วยนะ ไม่งั้นก็คงจะใส่ไม่ได้ ต้องฝ่ารถติด และเมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณจำเป็นต้องปีนขึ้นไปอีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนมัน แน่นอนรอบนี้คุณต้องระวัง ให้มากกว่าเดิม ในการไม่ทำให้กระเบื้องแตกอีก เอาละทั้งหมดที่พูดมา ยังไงก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เผลอๆ อาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งวัน ในการจะเปลี่ยนกระเบื้องที่แตกไป แค่ความผิดพลาดเล็กๆ ที่เราทำมันลงไป กลับทำให้เราเสียเวลามากมายจริงๆ เอาละถ้าคุณว่างอยู่ก็แล้วไป  แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยว่างกันขนาดนั้นนะสิ เราจึงมักจะปล่อยประเบื้องที่แตกทิ้งไว้อย่างนั้น และคิดไปว่า ไว้ว่างๆค่อยซ่อมมันก็ได้ ปรากฎว่า กว่าจะรอจนว่างก็ถึงวันที่สาย ฝนตกเสียก่อน ถึงตอนนั้นล่ะครับ เราถึงนึกได้ว่า ต้องหาเวลาซ่อมมันได้แล้ว ปัญหาเล็กๆ ที่เราต้องแก้ไขมักกินเวลาชีวิตเราเสมอ แต่หากเราปล่อยทิ้งไว้นาน ปัญหาก็จะยิ่งบานปลายได้อีก เพราะมันเป็นปัญหาเล็กๆ นี่แหละ

นิทาน คำสอนจากชายชราร่ำรวย

รูปภาพ
  วันนี้มีนิทานสอนใจเรื่องหนึ่งจะมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มผู้ยากจนและชายชราปริศนา เป็นเรื่องสั้นๆที่แฝงข้อคิดหวังว่าจะชอบกันนะครับ  ชายหนุ่มคนหนึ่ง เกิดมายากจนข้นแค้นเป็นอย่างมาก เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ในโชคชะตาของตนเองเหลือเกิน วันๆจึงได้แต่นั่งพร่ำเพ้อพรรณนาถึงชีวิตที่แสนยากลำบากของตัวเอง ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ฟัง  และแล้ววันหนึ่งก็ได้มีชายชราคนหนึ่งเดินผ่านมา เขานั่งลง และตั้งใจฟังปัญหาของชายหนุ่มเป็นอย่างดี  และแล้วเมื่อฟังจบ ชายชราจึงเอ่ยขึ้นมาว่า พ่อหนุ่มเธอรู้ไหมว่าเธอนั้นเป็นคนที่ร่ำรวยมาก  ชายหนุ่มได้ฟังก็ถึงกับงง รีบพูดแย้งออกไปในทันที ผมไม่มีเงินติดตัวสักบาทจะร่ำรวยได้อย่างไร  ชายชราจึงพูดว่า  ถ้าเช่นนั้นแล้ว ฉันขอซื้อดวงตาของเธอทั้งสองข้างได้หรือไม่ เธอจะขายเท่าไหร่  เมื่อชายหนุ่มได้ฟังก็โมโห ก่อนที่จะพูดกลับไปว่า จะบ้าหรือยังไงลุง ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ผมก็ไม่ขายหรอก ถ้าผมขายผมก็ตาบอดน่ะสิ แล้วผมจะมองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างไร  ชายชราจึงพูดต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นฉันขอซื้อ มือของเธอทั้งสองข้างก็แล้วกัน  เธอจะขายฉันเท่าไหร่  ชายหนุ่มได้ฟังก็โมโหก่อนจะพู

นิทาน เจ้าของฟาร์มรัก

รูปภาพ
  ในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจารย์มหาลัยท่านหนึ่ง ได้จองที่พักเป็นบ้านเดี่ยวติดฟาร์ม เขาต้องการเดินทางไปเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ต้องการอยู่กับธรรมชาติ และต้องการความเงียบสงบ  แต่เมื่อไปถึงอาจารย์มหาลัยก็ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเขาพบว่า ที่พักติดกับฟาร์มแห่งนี้ ช่างสวยงามซะเหลือเกิน  หลังจากที่เก็บสัมภาระไว้ที่ห้องเสร็จแล้ว อาจารย์มหาลัยก็ได้เดินดูฟาร์มอย่างเพลิดเพลิน ยิ่งเดินดูก็ยิ่งทึ่งในความสามารถของคนออกแบบสถานที่ ทุกอย่างช่างลงตัว ไม่มีที่ติเลยแม้แต่น้อย  จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น อาจารย์มหาลัยถามกับ ผู้ดูแลในทันที คุณคือเจ้าของฟาร์มแห่งนี้ใช่หรือไม่  ผู้ดูแลหนุ่มยิ้มรับด้วยความภูมิใจ ใช่แล้วครับผมสืบทอดความแห่งนี้ต่อมาจากคุณปู่ ปัจจุบันผมคือเจ้าของที่นี่นั่นเอง  อาจารย์มหาลัยไม่รอช้ารีบถามถึงเคล็ดลับ ในการออกแบบฟาร์มในทันที คุณใช้เทคนิคอะไรในการจัดฟาร์ม ถึงได้ออกมาสมบูรณ์แบบได้เช่นนี้ เทคนิคแบบนี้แม้แต่สถาปนิกชื่อดังยังต้องอาย  เจ้าของฟาร์มได้ฟังก็เขินตัวบิด ก่อนจะพูดไปว่า ชมเกินไปแล้วครับคุณ ผมไม่ได้ใช้ความรู้อะไรทั้งนั้น อันที่จริงผมไม่เคยเรียนอะไรยากๆแบบนั้นซะด้วยซ้ำ คือผมไม่ได้จบมหา

จงอย่าตัดสินคนจากเหตุการเดียวที่เห็น

รูปภาพ
เด็กน้อยคนหนึ่งได้ถือแอปเปิ้ล 2 ลูกไว้ในมือ เมื่อแม่เห็นจึงเดินเข้าไปแล้วพูดว่า แม่ขอแบ่งลูกนึงได้ไหม  เมื่อเด็กน้อยได้ฟังเช่นนั้น สิ่งที่เธอทำก็คือ การกัดแอปเปิ้ล 1 คำทั้ง 2 ลูก  เมื่อแม่เห็นเช่นนั้นก็อดที่จะรู้สึกนี้ไม่ดีกับลูกไม่ได้ ทำไมลูกฉันถึงเป็นคนแบบนี้ มีแอปเปิ้ลทั้ง 2 ลูก แต่กลับไม่ยอมแบ่งปันเลย ทันใดนั้น เด็กน้อยก็ยื่นแอปเปิ้ล 1 ลูกให้แม่ แล้วพูดว่า ลูกนี้หวานกว่าค่ะแม่  เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็อย่าตัดสินคนจากแว๊บแรกที่เห็น ให้โอกาสเขาอธิบายหน่อย เพราะบางที สิ่งที่เราเห็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงๆก็ได้  ผมชอบนิทานข้างต้นเรื่องนี้มาก  มันเป็นเรื่องสั้นๆ ที่เข้าใจง่าย และสอนใจได้ดีเลยทีเดียว แต่ประเด็นของเรื่องนี้คือ เขาไม่อยากให้เราตัดสิน ใครง่ายๆขนาดนั้น ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์เดียว ที่เราไม่โอเคก็ตัดสินไปแล้ว ว่าเขาเป็นคนไม่ดี  ถ้าผมลองเปลี่ยนตอนจบดูละครับ จะเป็นยังไง “เด็กน้อยกัดแอปเปิ้ล 2 คำ แล้วพูดกับแม่ว่า” ไม่เอา หนูจะกินทั้ง 2 ลูกเพียงคนเดียว แบบนี้เราก็จะตีตรา และมองว่าเด็กคนนี้ช่างเห็นแก่ตัวจริงๆสินะครับ เห็นไหมครับ พวกเราตัดสินอีกแล้ว แค่เปลี่ยน